โดย พุทธฆราวาส ในสมัยพุทธกาลนั้นมีลัทธิมากมายเกิดขึ้นซึ้งล้วนเป็น"ลัทธิมิจฉาทิฏฐิ"นอกศาสนาพุทธ ซึ้งลัทธิเหล่านี้พระพุทธเจ้า ได้จำแนกความเชื่อลัทธิต่างๆเหล่านี้โดยรวมออกเป็น 3 ลัทธิใหญ่ซึ้งมีความเชื่อและการปฏิบัติไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ ๑. ปุพเพกตเหตุวาท การถือว่า สุขทุกข์ทั้งปวงเป็นเพราะกรรมเก่า (past-action determinism) เรียกสั้นๆ ว่า ปุพเพกตเหตุวาท (ลัทธิกรรมเก่า) ๒. อิสสรนิมมานเหตุวาท การถือว่าสุขทุกข์ทั้งปวงเป็นเพราะการบันดาลของเทพผู้เป็นใหญ่(theistic determinism) เรียกสั้นๆ ว่า อิศวรกรณวาท หรือ อิศวรนิรมิตวาท (ลัทธิที่เชื่อถือในเรื่อง เทพและพระเจ้า ทั้งหลาย) ๓. อเหตุอปัจจยวาท การถือว่า สุขทุกข์ทั้งปวง เป็นไปสุดแต่โชคชะตาลอยๆ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย (indeterminism หรือ accidentalism) เรียกสั้นๆ ว่า อเหตุวาท (พิจารณาจากพุทธพจน์แต่ละข้อๆ) ทั้งนี้ตามพุทธพจน์ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ลัทธิเดียรถีย์ ๓ ระบบเหล่านี้ ถูกบัณฑิตไต่ถาม ซักไซ้ไล่เลียงเข้า ย่อมอ้างการถือสืบๆกันมา ยืนกรานอยู่ในหลักอกิริยา (การไม่กระทำ) คือ ๑. สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะ มีทิฐิอย่างนี...
"พุทธศาสนา"เป็นมากกว่าศาสนาเพราะเป็นทั้ง ปรัชญา วิถีชีวิต สังคม การเมือง เศรฐกิจ การทหาร และวัฒนธรรม และมันยังได้ถูกน้อมนำมาเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ในการแก้ไขจัดการปัญหาของมนุษย์ชาติทั้งในทางโลกหรือในทางศีลธรรม ซึ้งมีคุณค่าเหนือกว่าทั้ง"ระบบเทวาธิปไตย"ทั้งหลายในสมัยโบราณที่มุ่งขูดรีดด้วยการกดให้ประชาชนหลงงมงายและต่อทั้งระบบการปกครองในทางโลกของมนุษย์ที่มุ่งสนใจแต่เรื่องราวของโลกวัตถุนิยม-อัตตานิยม ทุกระบบ ทุกแนวคิด เราสนับสนุนการตื่นรู้ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะนั้นคือหนทางของเรา.