หลังจากการสังคายนาครั้งที่ 3 นั้น "จักรพรรดิราชอโศก โมริยวงษ์" หรือ "พระเจ้าอโศกมหาราช"นั้นได้มีการส่งสมณฑูตเข้ามาเผยแผ่ศาสนาพุทธในแถบสุวรรณภูมิ ซึ้งหนึ่งนั้นก็คือดินแดนที่เรียกในปัจจุบันว่า"พม่า"ด้วย
พม่านั้นเป็นดินแดนที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองมาช้านาน ก่อนที่ชนชาติพม่าจะเข้ารับนับถือศาสนาพุทธต่อจากชนชาติมอญรามัญ(อันเป็นชนชาติแรกๆในสุวรรณภูมิที่เข้ารับศาสนาพุทธ)ซะอีก ซึ้งในสมัยก่อนนั้นชนชาติพม่านับถือศาสนาผี-ไสย โดยผีของชาวพม่านั้นถูกเรียกว่า"นัต"และยังมีลัทธิอะยะจีซึ้งเป็นลัทธิหมอผีท้องถิ่นซึ้งชาวพม่าให้การนับถือก่อนศาสนาพุทธซะอีกจนกระทั่งการมาถึงของบุรุษ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นปฐมกษัตริย์ของชาวพม่าทั้งปวง บุรุษผู้นั้นมีชื่อว่า "พระเจ้าอโนรธา" หรือ"พระเจ้าอโนรธามังช่อ"
กษัตริย์อโนรธา นั้นถือได้ว่าเป็นปฐมกษัตริย์ของชาวพุทธและอาณาจักรพม่าทั้งปวง เพราะเป็น กษัตริย์องค์แรกที่ไม่ได้แค่ขยายอาณาเขตของอาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเผยแผ่ธรรมแห่งพระพุทธองค์ ไปสู่ชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยอื่นๆด้วย ซึ้งจุดเริ้มต้นของการที่พระองค์หันมานับถือศาสนาพุทธ นั้นก็เพราะว่า ทรงเบื่อหน่ายศาสนาดั้งเดิม ซึ้งไร้แก่นสารและงมงาย ซึ้งในตอนนั้นได้มีพระสงฆ์ชาวมอญรูปหนึ่งนามว่า"พระชินอรหันต์"เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในพม่า ซึ้งพระเจ้าอโนรธา ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ"พระชินอรหันต์"พระองค์ทรงเห็นทางสว่างและนับถือศาสนาพุทธนับตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ พระเจ้าอโนรธายังได้ยกทัพไปตีได้เมืองสะเทิม พร้อมกับอันเชิญพระไตรปิฎกและพระเถระผู้เชี่ยวชาญในพระคำภีร์มาสู่พุกาม พระเถระชาวมอญซึ่งชำนาญในคำภีร์ได้ช่วยชินอรหันต์เป็นอย่างมากเพื่อให้พุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาอันชอบเป็นที่แพร่หลาย พระเจ้าอโนรธามิเพียงสร้างพระเจดีย์ในพุกามแต่ยังทรงสร้างเจดีย์ในทุกที่ที่เสด็จไปถึง ในบรรดาเจดีย์เหล่านี้ เจดีย์ที่โดดเด่นที่สุดคือ"พระเจดีย์ชเวดากอง"
ในทุกหนทุกแห่งที่กษัตริย์อโนรธาชนะศึกแทนที่พระองค์จะสร้างเสาหินแห่งชัยชนะไว้ แต่พระองค์กลับสร้างแผ่นอิฐจารึกบทสวดมนตร์ในพุทธศาสนาทั้งในแบบภาษาบาลีและสันสกฤต และพระองค์ยังทรงทำให้เมืองพุกามเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายเถรวาทของภูมิภาคอีกด้วยและในการที่จะให้พุทธศาสนาแพร่หลาย กษัตริย์อโนรธายังได้ให้มีการศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกกันในวัด พุทธศาสนาที่พระองค์ได้อุปถัมภ์นั้นอย่างมั่นคงมาได้จวบจนปัจจุบัน” ในการนำพุทธศาสนาจากแผ่นดินของชาวมอญมาสู่แผ่นดินพุกามนั้น พม่ายกย่อง พระชินอรหันต์ ภิกษุมอญ เป็นดุจผู้ส่องไฟนำทาง และกษัตริย์อโนรธาเป็นดุจผู้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธศาสนาบนแผ่นดินพม่า ส่วนเหล่านักบวชหมอผีในลัทธิอะเยจีซึ้งเคยครอบงำแผ่นดินพม่าและชักจูงให้ประชาชนหลงงมงายในไสยศาสตร์-อวิชชา นั้นถูกตีตราให้เป็นพวกมิจฉาทิฐิ ซึ้งพวกเหล่านี้เป็นกลุ่มนักบวชที่แผ่อิทธิพลเหนือชาวบ้านด้วยการเอานรกมาขู่ ยกสวรรค์มาอ้าง และหากินกับลาภสักการะ การนำพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทอันเป็นศาสนาอันชอบด้วยสัมมาทิฐิมาสู่อาณาจักรของชาวเมียนมานั้น จึงถือเป็นการทำลายอำนาจมืดจากความเชื่อผิดๆภาพของกษัตริย์อโนรธาในแบบเรียนจึงเป็นภาพของนักปฏิวัติทางความคิดเพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมของชาวพุทธ
กษัตริย์อโนรธา นั้นไม่ใช้แค่วีรกษัตริย์แห่งชนชาติพม่าอย่างเดียว แต่หากเป็นวีรบุรุษนักปฏิวัติของชาวพุทธด้วย ซึ้งพระองค์ถือว่าเป็นนักปฏิวัติที่ชาญฉลาด ที่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสังคมพม่าให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยตามหนทางแห่งพระพุทธศาสนา.